เรียนอะไรที่ Harvard Business School Online — CORe
เราเพิ่งเรียนจบคอร์ส Credential Of Readiness (CORe) จาก Harvard Business School Online มาค่ะ อยากเล่าให้ฟัง เพราะเราได้อะไรจากคอร์สนี้เยอะมากๆ และไม่เหมือนการเรียนออนไลน์ที่ผ่านๆ มาเลย เผื่อว่าใครสนใจคอร์สนี้ หรือกำลังอยากเรียนรู้เกี่ยวกับ Business management เพิ่มเติม เราแนะนำที่นี่ค่ะ
Background:
เหตุผลที่ทำให้เราเลือกเรียนที่นี่ เพราะเราคุยกับหัวหน้าเรื่องอนาคตการทำงานแล้วเริ่มคิดว่าเราต้องเรียนแล้วแหละ เพราะเราไม่มี Background เรื่อง Business management เลยค่ะ เราจบ ป.ตรีเอกภาษาอังกฤษ ทำงานที่นี่ตั้งแต่ บ. ยังเล็กๆ ขึ้นมาระดับ management ได้เพราะประสบการณ์การทำงาน ตอนนี้ที่บริษัทโตขึ้นมาก คนที่รับเข้ามาจบ MBA จาก ม. ระดับโลกทั้งนั้น + ผู้บริหารที่เราทำงานด้วยก็จบอะไรแบบนี้มาทั้งนั้น (Oxford, Kellogg, INSEAD, Stanford, Harvard business school, Wharton, etc) มันทำให้เราคิดว่าเราต้องเรียน และถ้าได้ความรู้ในแบบ World-Class ก็จะดีมาก ใช่ค่ะ… เริ่มเป็น Impostor syndrom 555
ตอนนั้นเราเลือกไว้หลายที่ คิดว่าจะต่อโทที่ HES เลยดีมั้ย หรือ MBA ในไทยดีมั้ย สุดท้ายเราเลือกคอร์สนี้ของ HBS (Harvard Business School) Online ค่ะ สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมดูได้ที่นี่นะคะ https://online.hbs.edu/courses/core/
Harvard Business School Online — CORe คืออะไร:
คร่าวๆ คือเป็นคอร์สที่สอนเกี่ยวกับพื้นฐานของธุรกิจ มี 3 คอร์สรวมกัน
- Business Analytics เรียนพื้นฐานเรื่องข้อมูล การเก็บข้อมูล ใช้ข้อมูลในการทำ Experiment การตัดสินใจจากข้อมูลที่มี
- Economics for managers เรียนพื้นฐานของเศรษฐศาสตร์ WTP, WTS, Market, Equilibrium etc สนุกมากกกก เป็นวิชาที่ชอบมากเลย แต่ก็คือยากมากๆ ด้วย 5555
- Financial Accounting เรียนพื้นฐาน Accounting การอ่านงบ อ่าน income statement & cashflow เพื่อการตัดสินใจทางธุรกิจ
เวลาในการเรียนมี 2 แบบ คือแบบปกติ ใช้เวลาเรียน 10–12 สัปดาห์ กับแบบ extend ใช้เวลา 17 สัปดาห์ เราเลือกแบบ extend ค่ะ คือระยะเวลาของคอร์สเรียนจะนานกว่าในเนื้อหาเท่าๆ กัน ทำให้ใช้เวลาเรียนต่อสัปดาห์น้อยกว่า
CORe เป็นคอร์สเรียนออนไลน์ก็จริง แต่มีระบบการรับเข้า การสอนที่ยูนีคมาก รวมถึงมีการสอบไฟนอลด้วยค่ะ
การรับเข้า:
ถึงจะเป็นคอร์สออนไล์แต่ไม่ใช่ทุกคนจะได้รับการตอบรับให้เข้าเรียนค่ะ มีระบบการรับเข้าซึ่งไม่ได้ใช้เอกสารอะไรมากเลยค่ะ แค่สมัครสมาชิก HBS Online เพื่อให้มีบัญชีผู้ใช้ กรอกใบสมัครและเขียนเอสเสบอกเค้าไปว่าทำไมถึงอยากเรียน เราได้ยินมาว่าเปอร์เซ็นการรับเข้าค่อนข้างสูง ที่โดนปฏิเสธน่าจะเป็นพวกที่เขียนเอสเสไม่ดี ไม่ได้แสดงถึงความอยากรู้อยากเรียน เราแอบคิดว่าน่าจะเป็นการทดสอบภาษาอังกฤษด้วยค่ะ ทั้งนี้ทั้งนั้น นั่นคือสิ่งที่เราได้ยินมานะคะ ไม่มีใครรู้ว่าจริงๆ แล้วทางฮาร์วาร์ดใช้เกณฑ์อะไรในการรับเข้าบ้าง
หลังจากส่งใบสมัครพร้อมเอสเสแล้ว เราจะได้รับอีเมลจากทางฮาร์วาร์ดว่าได้รับใบสมัครแล้วนะ แล้วเราก็รอทางฮาร์วาร์ดตอบกลับ ใช้เวลาประมาณ 7 วันค่ะ อีเมลที่ได้รับจะแจ้งแค่ว่า ผลการสมัครออกแล้ว ให้เข้าไปดูที่ Dashboard ในแอคเคาน์ของ HBS Online ค่ะ เราจำได้ว่ากระวีกระวาดมากวันนั้น พอเข้าไปแล้วก็จะให้กดดูผลค่ะ จดหมายที่เราได้รับคืออันนี้
หลังจากนั้นก็รอเปิดเทอมค่ะ เค้าสร้างกรุ๊ปในเฟซบุ๊คให้ด้วย ไม่ได้บังคับให้เข้ากรุ๊ปทุกคน แต่เอาไว้สร้าง network กัน เพื่อนร่วมคลาสหลากหลายมากๆ มีตั้งแต่เด็กจบใหม่รอสอบเข้า MBA, คนที่ทำงานในเมเนจเม้นระดับกลางอย่างเรา, คนทำธุรกิจค้าน้ำมันในตะวันออกกลาง เจ้าหน้าที่ไอทีที่ทำงานในไวท์เฮ้าส์, คุณหมอที่อยากเรียนรู้เรื่องธุรกิจเพิ่มเติม ยันเจ้าของกิจการ และ CEO เราจะได้รู้จักคนหลากหลายมาก ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าการเรียนออนไลน์จะสร้าง connection ได้ด้วยค่ะ จะเล่าให้ฟังต่อๆ ไปนะคะ
รูปแบบการเรียน:
ของที่นี่ไม่เหมือนการเรียนออนไลน์คอร์สทั่วๆ ไปที่ว่างเมื่อไหร่ก็เรียน เรียนกี่บทก็ได้ ของที่นี่มันเหมือนเรียนในชั้นเรียนจริงๆ ค่ะ คือเวลาเรียนนั้นขึ้นอยู่กับเรา แต่ทั้งกรุ๊ปจะต้องไปพร้อมๆ กัน เช่น Module 1 เริ่มเรียนวันที่ 1 ก.พ. ส่งควิซและ assignment ภายในวันที่ 7 ก.พ. ระหว่างนั้นเราจะเรียนตอนไหน ทำการบ้านและส่งควิซตอนไหนก็ได้ค่ะ แต่ต้องเป็นภายในวันที่กำหนด ถ้าเราทำเสร็จก่อนกำหนดก็เรียนล่วงหน้าไม่ได้ เพราะ Module ถัดไปจะยังไม่เปิด ทำให้ทั้งคลาสเรียนไปพร้อมๆ กันค่ะ
คอฮอร์ทของเรามี 401 คน เค้าแบ่งเป็น 2 section เนื้อหาการเรียนสนุกมาก ใช้ Case based learning คล้ายๆ กับที่ใช้ในหลักสูตร MBA ที่จำได้ก็มีเคสจาก Amazon, H&M, Disneyland, ร้านค้าเล็กๆ ที่หน้ามหาลัยฮาร์วาร์ด, เจ้าของกิจการโยคะขนาดเล็กในบอสตัน, โรงแรมในเครือซีซาร์, บริษัทขายตั๋วที่ชื่อ Ace Tickets ฯลฯ
จำได้ว่าประมาณ 2 ครั้งที่เค้าใช้แบบฝึกหัดเดียวกับที่สอนใน MBA ที่ Harvard Business School ด้วย
สื่อการสอนมี Interaction ค่อนข้างมาก อธิบายดีมากๆ ค่ะ ทำให้เข้าใจเนื้อหา แต่พอคิดว่าเข้าใจแล้ว เค้าจะมีคำถามมาให้ตอบ เป็นคำถามแบบที่ต้องคิดตลบไปมา 3 รอบแล้วถึงจะได้คำตอบ คล้ายๆ จะทดสอบว่าคุณเข้าใจเนื้อหาจริงมั้ย
Cold Call:
มันคือระบบเรียกตอบที่เร้าใจสุดๆ คือคุณนั่งเรียนอยู่ ระบบจะแจ้งว่า คุณโดนเรียก Cold Call นะ คุณมีเวลาตอบ 1 นาที ให้ไปหาที่เงียบๆ อยู่ในสภาพแวดล้อมที่พร้อมตอบ แล้วค่อยกดตกลง พอเรากดตกลงแล้วคำถามก็จะขึ้นมาพร้อมกับกล่องคำตอบให้เราพิมพ์ตอบ หยุดเวลาไม่ได้ด้วย ส่ิงที่เราพิมพ์ตอบไปก็จะไปขึ้นโชว์ให้ทุกคนในเซคดู คำตอบไม่มีถูกผิดค่ะ ที่เราชอบมากเพราะมันทำให้เราได้คิดและได้แสดงความคิดเห็น คำถามนึงจะสุ่มให้หลายคนตอบ เราชอบเข้าไปดูคำตอบของแต่ละคนเพราะจะได้ความคิดเห็นในมุมมองต่างๆ กันไป เราสามารถกดดาวให้เพื่อนได้ด้วยถ้าเราชอบคำตอบเค้า หรือสามารถคอมเมนต์ถามเพิ่มเติม หรือถกกันเพิ่มเติมก็ได้ด้วย
ตรงนี้ก็เป็นอีกส่วนที่จะทำให้เราได้ connection เพื่อนจะจำเราได้แล้วเราก็จำเพื่อนได้ สังเกตได้จากคนไหนที่เก่งๆ ตอบดีๆ เค้าจะได้ดาวเยอะมากทุกครั้งที่โดนเรียกตอบเลย เหมือนเพื่อนจำได้ว่าคนนี้เก่ง พร้อมใจกันเข้าไปกดอ่านแล้วทิ้งดาวไว้ให้ 555
Quiz ท้ายบท:
จะเป็นแบบ Open book คือเปิดเนื้อหาดูได้ค่ะ ไม่จับเวลาด้วย แนะนำว่าให้ค่อยๆ ทำนะคะ ไหนๆ นี่ก็คือคะแนนเก็บที่เหมือนจะได้เปล่าแล้วเพราะเปิดเนื้อหาดูได้ก่อนตอบ เราใจร้อน ขี้เกียจเปิดดู คะแนนที่ได้ราวๆ 88% แต่ก็ถือว่าไม่สูงเลยเมื่อเทียบกับเพื่อนๆ ในคลาส
Assignment:
จะมีการบ้านให้ 10 ครั้งค่ะ จะเกี่ยวกับเนื้อเรื่องที่เรียนไปประจำสัปดาห์ ส่วนใหญ่จะประมาณว่า จากเนื้อหาเรื่องนี้ที่เรียนไป ให้ยกตัวอย่างผลิตภัณฑ์หรือบริษัทที่มีลักษณะเดียวกับเรื่องที่เรียน และอธิบายว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น
ความได้เปรียบของการเป็นคนไทยคนเดียวในคลาสก็คือ เราชอบยกตัวอย่างบริษัทหรือกิจการในไทยไปส่งค่ะ ในขณะที่หลายๆ คนพูดถึง Google, Amazon หรือ Tesla เรายกตัวอย่าง Potato Corner ที่เป็นแฟรนไชส์ในประเทศไทย หรือยกตัวอย่างโรงแรมแมนดาริน โอเรียลเต็ล กรุงเทพ โรงแรมเทวาศรมที่เขาหลัก ทำให้เพื่อนๆ ได้รู้จักบริษัทและกิจการของไทยที่ไม่ซ้ำใครด้วย
การส่งการบ้านก็คล้ายๆ Cold call ค่ะ มีให้ดาวแล้วก็ให้คอมเมนต์ได้ด้วย
Peer Helps:
ที่นี่จะเน้นให้ใช้ Peer Helps มาก ถือเป็นคะแนนเสริมด้วยค่ะ Peer Helps ก็คือเป็นบอร์ดถามตอบ เวลาใครไม่เข้าใจเนื้อหาก็โพสต์ถามไว้ ทางฮาร์วาร์ดจะไม่เข้ามาตอบ แต่เพื่อนคนอื่นๆ ในคลาสจะเป็นคนเข้ามาตอบ ช่วงแรกเราตอบค่อนข้างเยอะ หลังๆ เนื้อหายากมากจนตอบไม่ไหวค่ะ กว่าจะเรียนจบ Module ก็กระอักเลือดแล้ว ตอบไม่ทันเค้า เข้าไปดูทีไรก็เห็นมีคนตอบไปหมดแล้ว 5555
คนที่ตอบส่วนใหญ่ก็เป็นคนเดิมๆ ค่ะ เหมือนเป็นแก๊งเด็กหน้าห้อง 555 ทำให้เราจำเพื่อนได้อีกแล้ว
สอบ Final:
พอเรียนจบหมดแล้ว เราก็ต้องสอบไฟนอลค่ะ ให้เวลาสอบ 1 สัปดาห์ ที่นี่จะแบ่งเป็น 3 วิชาสอบแยกกันเป็น 3 เซ็ตติ้ง เซ็ตละ 60 นาที 45 ข้อ ไม่จำเป็นต้องสอบทีเดียว 3 วิชารวด แต่ถ้าเริ่มสอบวิชานั้นแล้ว เวลาจะรันไป 60 นาที ไม่สามารถกดหยุดได้ และต้องทำสอบวิชานั้นให้จบในรวดเดียว
การสอบไฟนอลนี่มหาประลัยมากค่ะ เนื่องจากเนื้อหาการเรียนค่อนข้างหนักมาก แล้วเรามีงานประจำทำด้วย แถมตอนนั้นงานเข้ารัวๆ เลยมีเวลาในการเตรียมตัวสอบน้อย
คำแนะนำคือให้ทำตัวอย่างข้อสอบเยอะๆ ค่ะ ทางฮาร์วาร์ดจะจัดข้อสอบตัวอย่างให้ ข้อสอบไม่ได้ออกแบบนั้นเป๊ะๆ นะคะ แต่เค้าทำให้เราได้แนวคิด พอลองทำข้อสอบแล้วจะได้เข้าใจว่าเนื้อหาตรงไหนที่เรายังไม่แน่น เราควรดูเพิ่ม
จำได้ว่าในกรุ๊ปเฟซบุ๊ค ฝรั่งบ่นกันโอดโอยมากค่ะ เพราะค่อนข้างยากเลยแหละ รักษามาตรฐานมาก
Grading
มี 3 เกรดคือ Pass, Pass with Honors, Pass with High Honors
2 อันหลังนี่คือจะได้คะแนนจาก Peer Helps มาช่วยค่ะ ถ้าใครตอบเพื่อนเยอะๆ Contribute ในคลาสเยอะๆ ก็จะได้คะแนนเสริมตรงนี้
สรุป
HBS Online CORe เป็นคอร์สที่มีราคาค่อนข้างสูง แต่คุ้มทุกบาททุกสตางค์ค่ะ เค้าไม่ได้แค่สอนให้เราเข้าใจพื้นฐานทางธุรกิจ แต่ปรับระบบความคิดและทัศนคติของเราให้มองโลกในมุมของธุรกิจด้วย เดี๋ยวนี้เราฟัง CEO แล้วเข้าใจมากขึ้น หรือเดินไปกินข้าวในฟูดคอร์ทแล้วมีความคิดในเชิงเศรษฐศาสตร์แวบเข้ามาตอนเห็นโลเคชันร้าน หรือเดินผ่านร้านแบรนด์เนมที่พารากอนแล้วเข้าใจว่าทำไมเค้าทำหลักการตลาดแบบนี้
จากคนที่ไม่มีพื้นฐานความรู้ในเชิงธุรกิจเลย หลังจาก 4–5 เดือนที่ได้เรียน ทำให้เราปรับมุมมองความคิดไปได้มาก และใช้ในการทำงานได้จริง
หลังจากจบคอร์ส ทางฮาร์วาร์ดจะส่ง Certificate มาให้ด้วยค่ะ เราต้องจ่ายเงินเพิ่มนิดหน่อย ตอนนี้เรากำลังรอมันเดินทางมาอยู่ค่ะ ตัวใบจริงๆ ที่เราเห็นในเน็ตดูดีมากกก มีรอยปั๊มนูนของตรามหาลัยด้วย ตอนนี้เราได้ e-Certificate มา หน้าตาเป็นแบบนี้
นอกจากความรู้ที่ได้ที่สามารถใช้งานได้จริงพร้อมใบประกาศ เรายังได้ย้ายไปอยู่ในกรุ๊ป HBSO Networking ด้วย คือเป็นกรุ๊ปศิษย์เก่าที่เคยเรียนคอร์สของ Harvard Business School Online ซึ่งก็คือเป็นการสร้างคอนเนคชันอีกทางค่ะ ภายในกรุ๊ปนั้นจะมีโพรเฟสเซอร์ของ Harvard Business School ด้วย บางทีทางโพรเฟสเซอร์ก็มาแชร์ข่าว เชิญเข้าร่วมฟังบรรยาย หรือเข้าร่วมสัมนาต่างๆ ที่จัดที่คณะ ซึ่งน่าสนใจมากๆ ถือว่าเป็นโอกาสที่ไม่ได้หาได้ง่ายๆ เลยค่ะ
สรุปว่าคุ้มค่ามากค่ะ ไม่เสียดายเงินเลย ตอนนี้กำลังเลือกที่เรียนต่ออยู่ เล็งว่าน่าจะเรียนต่อป. โทของ Harvard Extension School เพราะว่าเรามีงานหลักแล้ว เป็น ม. เดียวที่ให้ความรู้ในระดับ World-Class โดยที่ไม่ต้องลาออกไปเรียนอย่างเดียว อีกอย่างคือเราชอบความเป็น Harvard มากๆ แล้วก็เชื่อมั่นในสถาบันว่าถึงจะเป็นแค่ Extension School เค้าก็น่าจะรักษามาตรฐานการเรียนการสอนไว้ได้ค่ะ
ไว้ถ้าตกลงใจสมัครเรียนจริงๆ แล้วจะมาเล่าให้ฟังนะคะ ถ้าใครมีคำถามเรื่อง HBSO ถามมาได้เลยค่ะ :) ขอบคุณที่อ่านนะคะ ❤